Advertising

..

วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2564

Coin 101 : DogeCoin

 DogeCoin (อ่านว่า โดชคอยน์)

เงินสกุลคริปโตเคอรเรนซี่ ที่ใช้สัญลักษณ์ รูปสุนัขสายพันธ์ชิบะ อินุ ถูกสร้างขึ้นโดยโปรแกรมเมอร์ 2 คนคือ Billy Markus และ Jackson Palmer  โดยเป็นการ Folk ออกมาจาก LiteCoin  ซึ่งถูกดัดแปลงให้มีลักษณะที่ตรงข้ามกับ Bitcoin อย่างสิ้นเชิง เพื่อความสนุกขบขัน

คุณสมบัติ
1. มีเหรียญไม่จำกัดจำนวน
2. ครั้งแรกเริ่มต้นด้วยเหรียญจำนวน 50000 ล้านเหรียญ Doge
3. ระยะเวลาในการสร้าง Block คือ ทุก 1 นาที
4. ใน 1 บล็อกที่ถูกสร้างจะมีการสร้างเหรียญออกมา 10,000 เหรียญ (1 ปีจะมีเหรียญออกมา 5.256 ล้านเหรียญ ต่อปี ) แต่ตอนนี้ ถูก Halving เหลือเพียง  6.25 เหรียญต่อ 1 บล็อกเท่านั้น และจะ Havling ทุกประมาณ 4 ปี

โดยในตอนแรกที่สร้างนั้น คือปี 2013  เหรียญทั้งหมดมีมูลค่าแค่เพียง รถยนต์ 1 คันเท่านั้น  แต่แล้วในปี 2015 Bill Markus ก็เทขายเหรียญของตัวเองทั้งหมดออกมา ทำให้เหรียญเพิ่มจำนวนผู้ถือครองอย่างรวดเร็ว 

โดยยุคนั้น DogeCoin เป็นเสมือนเหรียญให้ทิปเล่นๆ กัน เท่านั้น 

แต่แล้วก็เกิดปรากฎการณ์  Elon Musk ที่อยู่ดีๆ ก็กลับมาชอบเหรียญ Doge ซะอย่างงั้น โดยเฉพาะการ Twitter ครั้งแรก ในวันที่ 28 เมษายน เกี่ยวกับเหรียญนี้ ทำให้ราคาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง


Coin 101 : Lite Coin

 Litecoin ( LTC หรือ Ł ) เป็นเงินคริปโต โดยใช้ OpenSource ภายใต้ license ของ MIT เปิดตัวตั้งแต่เดือนตุลาคม 2012 เรียกได้ว่า ทุกอย่างแทบจะเหมือนกับ BitCoin เลยทีเดียว (BitCoin เปิดตัวก่อน 3 ปี คือในปี 2009) 

ปัจจุบันมันใหญ่ระดับ 1 ใน 6 ในวงการมักจะเรียก BitCoin เป็น ทองคำ และเรียก  LiteCoin เป็น Silver อีกด้วย 

ที่มา
LiteCoin ถูกเปิดตัวครั้งแรกบน GitHub ในเดือนตุลาคม 2011 พร้อมๆ กับเปิดเครือข่ายในเดือนเดียวกัน  โดย ชาร์ลี ลี คนแอฟริกาใต้ ที่เป็นอดีตเป็นพนักงานใน Google ต่อมากลายเป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมที่ CoinBase (ความจริงแล้ว เขาเริ่มต้นเป็นนักขุดบิทคอยน์มาก่อน และได้รับความรู้เรื่อง Client จาก Mike Hearn นักพัฒนาซอพท์แวร์ของ Bitcoin ทำให้เขามีแรงบันดาลใจที่จะสร้างเงินเป็นของตนเอง และในปี 2017 เขาก็เลือกลาออกจาก CoinBase เพื่อมาพัฒนา LiteCoin เต็มตัว) 

ในตอนแรก ลี มองว่า BitCoin นั้นเป็นพันธมิตรมากกว่า โดยมองว่า BitCoin  เหมาะสำหรับการทำธุรกรรมข้ามประเทศ และ ส่วนสกุลเงินของเขาเหมาะกับการทำธุรกรรมเล็กๆน้อยๆ 

มันตั้งอยู่บนพื้นฐานของ BitCoin Core เดียวกัน แต่ตั้งเวลาการสร้างบล็อกใหม่ที่น้อยกว่า คือแค่ 2.5 นาที แทนที่จะเป็น 10 นาทีเหมือน BitCoin สิ่งนี้เองทำให้การทำธุรกรรมของ LiteCoin นั้นจะเร็วกว่า BitCoin มาก (ก็เร็วกกว่าประมาณ 4 เท่า) อย่างไรก็ดี Lite Coin จะทำการ Halving ทุกๆ 840,000 บล็อกเช่นกัน ปัจจุบันอยู่ที่ 25เหรียญต่อบล็อก และค่า Diff จะเปลี่ยนทุกๆ 3.5 วัน (BitCoin ปรับทุก 14 วัน)

ขณะที่จำนวนเหรียญสูงสุดก็จะอยู่ที่ 84 ล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่า BitCoin 4 เท่าเช่นกัน  นอกจากนี้ LiteCoin เลือก การ Hash ก็ต่างกัน คือ BitCoin ใช้ SHA-256 แต่ LiteCoin  จะใช้ Scrypt แทน

ข้อเสียของ Scrypt คือ มันจำเป็นต้องใช้หน่วยความจำจำนวนมาก นอกจากนี้ยังเป็นอัลกอริที่มที่มีความซับซ้อนในการสร้าง เครื่อง ASIC ทำให้มันมีราคาแพงมาก เน้นว่า ASIC ขุดได้แต่จะเป็นเครื่องที่มีราคาแพงมาก ยกตัวอย่างเครื่องที่ใช้ Hash สำหรับ Scrypt คือ Antminer L3++

การขุด LiteCoin
เข้าใจก่อนว่า Lite Coin ยังคงใช้ Proof  of Work  แต่พวกเขาจะใช้ Merkle Trees (มันเป็นการรัน Hash Function แล้วรันอีกซ้ำๆ (ประมาณว่า ป้องกัน Double Spend) 

พวกเขาเลือกอัลกอริทึ่มแบบ Scrypt  โดย ลี อธิบายว่า เพราะมันทำให้ใครสักคนหนึ่งสามารถขุด BitCoin ไปด้วย ขณะที่ ขุด LiteCoin ไปได้ด้วย (ในยุคนั้น เหรียญทั้งคู่สามารถขุดได้ด้วย CPU ) แต่ต่อมากลับมีคนคิดเอา GPU มาขุด รวมถึง ASICs ที่พัฒนามาเพื่อ SHA256 ทำให้ BitCoin นั้นย้ายไปหา 2 เครื่องดังกล่าว

ต่อมา LiteCoin ก็มุ่งหน้าไป GPU และ ASICs เช่นกัน  ทุกวันนี้ เราแนะนำให้ ใช้ ASICs กับ Scrypt  เพราะยากมากที่ GPU จะสามารถทำกำไรจากการขุด Scrypt โดยเฉพาะ Antminer L3+ ยิ่งเครื่องใหม่ๆ ที่มีราคาแพงก็ยิ่งทำให้ ตลาดถูกครอบครองโดย ASICs ไปหมด

*** จำไว้นิดหนึ่ง เครื่อง ASICs สำหรับ อัลกอริทึ่มแบบไหน ก็จะขุดได้แต่แบบนั้น แต่มันสามารถขุดข้ามเหรียญได้ด้วย ในอัลกอริทึ่มเดียวกัน ***  และแนะนำว่า คุณจะไม่ได้กำไรจากการขุดด้วย GPU เลย สำหรับ อัลกอริทึ่ม แบบ Scrypt